รีวิวนักเรียนแลกเปลี่ยนตัวจริงประเทศ อเมริกา “น้องน้ำฝน ภคมน” โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน Engenius International

Review-exchange-student-namfon-1

[รีวิว] รีวิวนักเรียนแลกเปลี่ยนตัวจริงประเทศ อเมริกา

“น้องน้ำฝน ภคมน” โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน Engenius International

“น้องน้ำฝน ภคมน บุญสิทธิ์” นักเรียนแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมนานาชาติ Engenius International เพื่อเดินทางเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2563 – 2564 ระยะยาว 1 ปีการศึกษา

รีวิวจากน้องน้ำฝน ภคมน นักเรียนแลกเปลี่ยนอเมริกาใน

ครงการแลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรมนานาชาติ Engenius International

รีวิวนักเรียนแลกเปลี่ยน

สวัสดีค่ะ PAKAMON (ภคมน) นะคะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การบินเดี่ยวครั้งแรกกับการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันนี้เราจะมาแชร์วิธีเอาตัวรอดฉบับ PAKAMON นะคะ ก่อนอื่นเราอยากจะบอกว่าเราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนในโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน Engenius International Student Exchange Program รุ่น COVID-19 ฟังจากที่พูดแล้วสงสัยใช่มั้ยคะว่าทำยังไง ถึงเอาตัวรอดได้ใช่ไหมคะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า 

วันที่เราบินเป็นวันที่ 12 Sep 2020 นะคะ อันนี้เป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิตก็ว่าได้ค่ะ ก่อนวันบินเราก็มีการเช็คเอกสารกันเล็กน้อยและหาข้อมูลเพิ่มเติมกันพอสมควร ตอนนั้นยอมรับเลยว่ามีความกังวลสูง มากๆเลย เพราะเราไม่เคยนั่งเครื่องบินมาก่อนเลยนะคะ หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิค่ะ เราออกจากบ้านลุงเวลา 20.00น. พอเราไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิเราก็ได้ไปถ่ายรูปกับพ่อและพี่สาวกันเล็กน้อย แล้วเราก็เดินเข้าไปในสนามบินแล้วต่อไปที่เกทของเราค่ะ

ตอนพี่ทางโครงการทักมาพี่เขาบอกว่าเจอกันที่เกท J  คือตอนนั้นแบบเดินตรงไปที่เกทหนึ่งแล้ว คือตอนไปนั่งก็ไม่ได้สังเกตุอะไรเลย พอหันไปถึงอ้าวเกทเรานี่ 555 หลังจากนั้น 30 นาที พี่ๆ จากทางโครงการเขาก็มาแล้วบอกรายละเอียดเพิ่มเติมให้เราก่อนบิน แล้วพี่ๆ เขาก็ช่วยพาเราไปเช็คอิน หลังจากเช็คอินเสร็จก็มีการถ่ายรูปกับครอบครัวและพี่ทางโครงการเล็กน้อยค่ะ มีรูปมาฝากด้วย

เวลา 22.00 น .ใกล้ถึงเวลาที่เราจะบินแล้ว เราก็เลยไปที่เกทเพื่อที่จะขึ้นเครื่อง ระหว่างเดินอยากจะบอกว่าเราถามตลอดทางเลย 555 ถามว่าอายเปล่า ตอบเลยไม่อาย 555 เพราะว่าเป็นครั้งแรก คือถ้าไม่รู้อะไรเราก็ควรถามคิดว่านะ นี้คือถามตลอดทางจริงๆอ่า  พอถึงเกทเราก็นั่งรอเวลาที่เขาจะประกาศให้ขึ้นเครื่อง เราดันไปนั่งข้างพี่คนนึง พี่เขาก็ชวนคุยนู่นนี่นั่นไปเรื่อย จู่ๆ พี่เขาก็ถามว่าบินครั้งแรกเหรอ เราเลยตอบว่าใช่ค่ะ พี่เขาก็น่ารักมากแนะนำเราทุกอย่างเลย ตอนขึ้นเครื่องพี่เขาก็พาไปส่งถึงที่นั่งเราเลย ตอนเครื่องออกพนักงานก็เอาเอกสารเกี่ยวกับการกักตัวมาให้เรา เราไม่ได้เขียนอะไรลงไปเพราะเราไม่ได้ไปเกาหลี เราแค่ไปต่อเครื่องเฉยๆ

พอถึงเกาหลีที่ Incheon International Airport เราถึงเกาหลีตอน 7.45 น.ตามเวลาท้องถิ่นเกาหลีนะคะ เราก็เจอพี่คนนั้นอีกแล้ว พี่เขาเลยถามว่ารู้หรือเปล่าว่าเช็คอินที่ไหน? เราเลยตอบไปว่าไม่รู้ค่ะ พี่เขาเลยพาไปส่งถึงที่เลยแล้วก็โบกมือ บ๊ายบายเรา เราเลยกล่าวขอบคุณพี่เขาไป พี่เขาเลยตอบว่าโชคดีนะ  หลังจากนั้นเราก็เดินไปที่เกท คือตอนนั้นเช้ามากๆ เลยก็ว่าได้ วันนั้นในสนามบินคนน้อยมากเลย เราเดินไปถึงเกทตอนเวลา 8.25น. หลังจากนั้นรอเครื่องอยู่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ แล้วก็ถึงเวลาต่อเครื่อง ตอนนั้นก็มีพนักงานมาเช็คตั๋วเครื่องบิน พอถึงเราพนักงานก็ขอเอกสารแล้วพนักงานก็ถามเกี่ยวกับเอกสารเกี่ยวกับการกักตัวต่างๆ เราเราตอบว่าเราไม่มีเอกสารในส่วนนั้น เขาเลยบอกว่าโอเคเดี๋ยวเขาไปคุยกับหัวหน้าเขาก่อน อยู่ๆเขาก็ประกาศชื่อเรา ทุกคนในเกทก็หันมาหมดเลย -_- เราเดินไปหาพนักงานที่เคาท์เตอร์ พอถึงเคาท์เตอร์พนักงานเลยถามว่ารู้หรือเปล่าว่าต้องกักตัวที่เกาหลี 14 วัน เราเลยตอบว่าไม่รู้มาก่อนเลยค่ะ หลังจากนั้นเราเลยยื่นเอกสารเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนให้เขาดู แล้วเขาก็เขียนเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นเอกสารอะไร แล้วเขาก็ส่งให้กับพนักงานอีกคนให้ดูแลส่วนนี้ แล้วเขาก็บอกว่าเราผ่านแล้ว คือเรางงมากเลย  หลังจากนั้นเขาก็ให้มานั่งที่เดิมโดยมีพนักงานคนหนึ่งมายืนข้างเราเพื่อดูแลเราก่อนขึ้นเครื่อง สักพักก็มีพนักงานเรียกเราขึ้นเครื่องก่อนขึ้นเครื่องจะมีการสแกนอาวุธ ประเด็นคือรองเท้าเรา มันเป็นอะไรไม่รู้คือตรวจ 4 – 5 รอบมันดังทุกครั้งเลย -_- พนักงานเลยบอกให้เรานั่งรอสักครู่ เดี๋ยวเขากลับมา พอพนักงานกลับมาเขาก็ตรวจรองเท้าเราอีกรอบก็คือผ่าน แล้วพนักงานก็ให้เราขึ้นเครื่อง ประเด็นเรื่องไม่จบแค่นั้นคือที่นั่งหลังเรามีเด็กอยู่ น่าจะอายุ 4 หรือ 5 ขวบนี่แหละ วัยกำลังซนเลย น้องก็ตีหลังที่นั่งเราไม่หยุด แต่เราก็ยังนอนได้เพราะเราถือว่ามันปกติ เพราะเรามีเรื่องอื่นที่เครียดกว่านี้ ก็พอทำใจได้ 555 ลืมบอกไฟลท์นี้คือบินจากเกาหลีมาอเมริกานะคะ เป็นเวลา 13 ชั่วโมงด้วยกันค่ะ เป็นการบินที่นานมากๆ เลย แต่ก็สนุกดีค่ะ คือเรามีเพื่อนร่วมเดินทางเยอะเลย เพื่อนที่นี้คือมาจากคนละประเทศกันเลย เราเจอเขาตอนจะขึ้นเครื่องแล้วเขาก็นั่งใกล้เราแต่ก็ได้คุยกันบ้างค่ะ ได้คุยเพราะน้องหลังเราเขาตีหลังที่นั่งเรา เขาถามเราว่าโอเคเปล่า เราเลยตอบไปว่าสบายมาก ขอบคุณค่ะ เขาเลยยิ้ม พอถึง Detroit Metropolitan Wayne County Airport คนที่ถามเราว่าโอเคเปล่าเขาบอกว่า Good luck! เราเลยตอบไปว่า You too เขาเลยยิ้มแล้วก็แยกย้ายกันไปต่อเครื่อง ตอนนั้นเราต้องไปเช็คอินต่อแล้วน่ากลัวมากคือเพราะตำรวจคุมตลอดทางเลย คือเราถูกมองมากที่สุดเพราะอาจจะเป็นคนไทยคนเดียวมั้ง 555 พอเดินไปต่อแถวเพื่อเช็คอินก็มีคนมาคุยกับเราเขามาเป็นกรุ๊ป เขาเป็นนักเรียนเกาหลีเขาก็ชวนคุยว่าเรามาจากที่ไหนเราเลยตอบไปว่ามาจากประเทศไทย ไม่รู้จะคุยอะไรกันดี เขาเลยยิ้มเราก็ยิ้ม

รอสักพักก็ถึงเวลาที่เราต้องเช็คอิน พนักงานเขาก็ถามว่า ชื่ออะไร จะไปไหน ไปทำอะไรที่นั่น เราเลยตอบว่าชื่อนี้นะ กำลังจะไปเมืองนี้ ไปเรียนเพราะเราเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แล้วเขาก็ถามว่าก่อนมาเราได้กินอาหารพวกไก่ หมู ปลา กุ้ง อาการพวกทะเลมาก่อนหรือเปล่า เราเลยตอบว่าเราไม่ได้กินอาหารเหล่านี้ก่อนบินมาก่อน เพราะว่าคำถามนี้เขาเช็คเรา เพราะเขาเป็นห่วงการแพร่เชื้อจากอาหารเหล่านี้ เขาเลยบอกผ่านไปได้ เราเลยเดินไปรับกระเป๋าเดินทาง หลังจากรับกระเป๋าเดินทางเสร็จ เราก็สงสัยว่าต้องเดินไปทางไหนต่อ เพราะว่าเรา jet lag มาก 555 เราเลยยืนเช็คไฟท์เล็กน้อย พอกำลังเดินไปจะเช็คอินกระเป๋าต่อ ตำรวจผู้หญิง 1 คนผู้ชายอีก 1คน เดินเข้ามาที่เราแล้วถามว่าเราจะไปไหนเราเลยตอบชื่อเมืองที่เราจะไปแล้วเขาก็ขอดูไฟท์ที่เราจะบินเราเลยยื่นตั๋ว พาสปอร์ตและ เอกสารเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนให้เขาแล้วเขาก็ยิ้มแล้วเขาก็พาเราไปเช็คอินกระเป๋าแล้วก็แนะนำเราว่าเดี๋ยวไปทางนี้ ขึ้นลิฟต์ไปชั้นนี้ อะไรประมาณนี่ค่ะ เราเลยตอบขอบคุณเขาไปค่ะ แล้วเดินไปเช็คอินต่อ

พอเข้าไปในลิฟต์เจอเด็กจีนคนนึง เขาก็ถามว่าเราไปเช็คอินต่อหรือเปล่า เราเลยตอบว่าใช่ค่ะ เขาเลยบอกว่าไปด้วยกันไหม เราเลยตอบว่าได้ค่ะ พอเช็คอินเสร็จ เรากับเขาก็ไปคนละที่กัน หลังจากตรวจและเช็คอินเสร็จเราก็เดินไปเช็คเกทเรา พอเช็คเกทเสร็จเราก็มานั่งแล้วโทรคุยกับคุณพ่อคุณแม่ คุยจบเราก็เห็นแผ่นที่ภายในสนามบินเราเลยเดินไปเช็คและได้รู้ว่าเกทที่เราจะต้องไปอยู่คนละฝั่งกันต้องเดินไปอีกตึก เราเลยตัดสินใจเดินไปที่เกทต่อไปค่ะ เพื่อสำรวจก่อนคร่าวๆ  อยากจะบอกว่ามันไกลมากๆเลย คือเดินนานมากๆ เลยค่ะ 555 พอถึงเกทเราก็นั่งชาร์ตแบตโทรศัพท์ ฟังเพลง ดูหนังไปเรื่อยๆ เพราะเราต้องรอเครื่องนานเป็นเวลา 5 ชั่วโมง ระหว่างรอเครื่องอยู่ๆโฮสก็ทักมาหาเราเขาก็ถามเราว่าอยากจะพักก่อนหรืออยากจะทานอาหารก่อน เราเลยตอบว่าเราอยากจะทานอาหารกับเขาก่อน เขาเลยถามเราว่าเราอยากทานอาหารอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า? เราเลยตอบว่าทำอะไรก็ได้ที่  Host Mom และ Host Dad ทำให้ทาน เราทานได้หมดเลย 

พอถึงเวลาขึ้นเครื่อง เขาก็เช็คตั๋วปกติเลยค่ะ แถมครั้งนี้ง่ายมากๆเลย เพราะเป็นการบินภายในประเทศ พอถึงรัฐที่เราอยู่เราก็เดินไปรับกระเป๋าเดินทางของเรา แต่ประเด็นมันอยู่ก่อนทางออก พอออกไปถึงเจอกับโฮส คือโฮสยิ้มและดีใจมากๆเลย คือเขาก็ทำอะไรไม่ค่อยถูก เราก็เหมือนกันโฮสก็เข้ามากอดแล้วก็ต้อนรับเราเป็นอย่างดี ลูกโฮสเขาก็ทำป้ายชื่อให้ด้วยสวยมากๆเลย ลูกโฮสและโฮสน่ารักมากๆเลย หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปบ้าน Host Family:)

เด็กนักเรียนแลกเปลี่ยน Engenius International รุ่นปัจจุบันเดินทางไปเรียนแลกเปลี่ยนได้ตามปกติ และเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ดีและมีความสุข หากใครไม่อยากพลาดโอกาสครั้งเดียวในชีวิต อย่ารอช้าอยู่เลย มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนรุ่นที่ 4 กับเรา

คุณสมบัติของน้องๆ ผู้สมัครโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน

✓ อายุ 14 – 18 ปี และกำลังศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 – 5    หรือเทียบเท่า

✓ มีผลการเรียนย้อนหลัง 3 ปี โดยมีผลการเรียนเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 2.5 และไม่มีเกรด 0

✓ มีพื้นฐานความรู้ด้านภาษาอังกฤษ โดยจะต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษของโครงการ

✓ มีความสนใจด้านภาษาและวัฒนธรรมของประเทศอเมริกา

✓ ต้องมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง

✓ ต้องมีความประพฤติดีและพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของประเทศอเมริกา

Share this post